In 2003, a survey led by Thailand Ministry of Public Health - U.S. Centers for Disease Control and Prevention Collaboration (TUC) found an alarming rate of 17% HIV prevalence among Bangkok men who have sex with men (MSM). A follow-up survey in 2005 found even more shocking rate of 28% HIV prevalence of this population (van Griensven, 2009). There was certainly an urgent need for more community-government collaboration: a platform that brings together all stakeholders to work together.
ในปีพ.ศ. 2546 การสำรวจที่นำโดย ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข (ศรทส) พบความชุกของการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครมีอัตราที่น่าตกใจที่ร้อยละ 17 และการสำรวจในอีก 2 ปีต่อมาพบความชุกของการติดเชื้อเอชไอวีในอัตราที่น่าตกใจยิ่งกว่าที่ร้อยละ 28 (van Griensven, 2009) ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ภาคชุมชนและภาครัฐจะต้องเข้ามาทำงานร่วมกัน เป็นเวทีเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายได้มาทำงานร่วมกัน
Traditionally, community advisory boards (CABs) are often created and run by institutions or clinical studies. Clinical study staffs also participate as members of CABs. Critics have raised the concerns of the autonomy and conflict of interests of this kind of CAB. Therefore, the Men with sexual diversity Community Advisory Board (M-CAB) was established in late 2005 with a whole new approach.
โดยทั่วไปแล้ว คณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนจะถูกก่อตั้งขึ้นและบริหารโดยหน่วยงาน สถาบัน หรือโครงการวิจัยทางคลินิก ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้วิจัยมักจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกในคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนด้วย ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเป็นอิสระและผลประโยชน์ทับซ้อนในคณะที่ปรึกษาชุมชนประเภทนี้ ดังนั้นคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนชายที่มีความหลากหลายทางเพศ (M-CAB) จึงได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2548 ด้วยรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนที่ทำกันทั่วไป
TUC, with newly created MSM-friendly Silom Community Clinic, called to all partners in the field of MSM and HIV care and support to come together to form the M-CAB. Fifteen organizations from different sectors responded to this call and had the first M-CAB meeting on 11 October 2005. The meeting had agreed upon the rules and regulations describing the definitions, objectives and duties that have continuously shaped and strengthened M-CAB to these days (see also the M-CAB's Rules and Regulations, 2014).
ศรทส ร่วมกับคลินิกชุมชนสีลม คลินิกที่เป็นมิตรกับชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ได้เชิญชวนพันธมิตรจากทุกองค์กรและหน่วยงานที่ทำงานด้านชายมีเพศสัมพันธ์กับชายและการดูแลรักษาเอชไอวีให้มาร่วมกันก่อตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนชายที่มีความหลากหลายทางเพศ (M-CAB) ซึ่งมีผู้ตอบรับจำนวน 15 องค์กรและหน่วยงานจากหลากหลายภาคส่วน โดยมีการจัดประชุมM-CAB ครั้งแรกในวันที่ 11 ตุลาคม 2548 ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบในระเบียบและข้อกำหนดที่อธิบายคำจำกัดความ วัตถุประสงค์ และหน้าที่ ซึ่งเป็นหลักที่ใช้ในการปรับปรุงและเสริมความเข็มแข็งให้กับ M-CAB อย่างต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ระเบียบและข้อกำหนดของคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนชายที่มีความหลากหลายทางเพศ (M-CAB) ปีพ.ศ. 2557)
For the past 9 years, members of M-CAB had been voluntarily committed to bring down the HIV epidemic as well as stigma and discrimination associated with HIV and men with sexual diversity, including male-to-female transgendered persons. M-CAB had expanded its membership to include 20 major partners in HIV prevention and care for men with sexual diversity (see also List of M-CAB members, 2014). M-CAB members have been actively advocating and participating in vast area ranging from lesbian-gay-bisexual-transgender (LGBT) rights and empowerment, building and strengthening community partnerships, reducing HIV stigma and discrimination (normalizing HIV), promoting HIV prevention and care continuum, conferences on HIV and sexually transmitted infections, advising community-driven HIV and LGBT events as well as advising behavioral and clinical studies, including ones of international networks. M-CAB is also an active member of the National Community Advisory Board (NCAB) established in 2013.
ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา สมาชิกของ M-CABได้ทุ่มเทด้วยความสมัครใจที่จะลดการแพร่ระบาดเอชไอวี รวมถึงการลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติที่เกี่ยวกับเอชไอวีและชายที่มีความหลากหลายทางเพศ และรวมถึงกลุ่มสาวประเภทสองและหญิงข้ามเพศด้วย M-CAB ได้ขยายจำนวนสมาชิกให้ครอบคลุม 20 หน่วยงานพันธมิตรหลักที่ดำเนินงานด้านการป้องกันและการรักษาเอชไอวีในกลุ่มชายที่มีความหลากหลายทางเพศ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่รายนามคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนชายที่มีความหลากหลายทางเพศ (M-CAB) ปีพ.ศ. 2557) สมาชิกของ M-CAB ได้เข้าร่วมและสนับสนุนอย่างแข็งขันในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่ประเด็นด้านสิทธิและการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มหญิงรักหญิง-เกย์-คนรักทั้งสองเพศ-คนข้ามเพศ (LGBT) การสร้างและเสริมความเข้มแข็งของภาคีชุมชน การลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเอชไอวี (การทำให้เอชไอวีเป็นเรื่องปกติ) การส่งเสริมการป้องกันและการดูแลรักษาเอชไอวีอย่างต่อเนื่อง การร่วมประชุมในเรื่องเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การให้คำปรึกษาในการจัดกิจกรรมชุมชนด้านเอชไอวี และ LGBT รวมทั้ง การให้คำปรึกษาในการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์และการวิจัยทางคลินิก ซึ่งรวมถึงการวิจัยที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายระดับนานาชาติ M-CAB ยังเป็นสมาชิกสามัญของคณะกรรมการที่ปรึกษาจากชุมชนระดับประเทศ (NCAB) ซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ. 2556 อีกด้วย
The M-CAB's factors to success are members' voluntary commitment and collaboration, members' diverse expertise and experiences, and strong leadership of Chairperson. However, M-CAB could grow even more with continuous HIV scientific and Good Participatory Practice trainings, active participation in major HIV and LGBT conferences, improvement in English and scientific language proficiency, active involvement in government-driven HIV and LGBT events, involvement in more researches and studies as well as additional financial support.
ปัจจัยที่ทำให้การดำเนินงานของ M-CAB ประสบความสำเร็จ คือ ความทุ่มเทและความร่วมมือแบบสมัครใจของสมาชิก ประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญที่หลากหลายของสมาชิก และภาวะผู้นำที่เข้มแข็งของประธาน อย่างไรก็ตาม M-CABสามารถที่จะเติบโตเข้มแข็งมากขึ้นไปอีกได้ด้วยการเข้าร่วมอบรมและพัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องในด้านวิทยาศาสตร์เอชไอวีและการปฏิบัติที่ดีเพื่อการมีส่วนร่วม การเข้าร่วมอย่างจริงจังในการประชุมวิชาการที่สำคัญด้านเอชไอวีและ LGBT การพัฒนาความชำนาญด้านภาษาอังกฤษและภาษาทางวิทยาศาสตร์ การเข้าร่วมอย่างจริงจังในการจัดกิจกรรมด้านเอชไอวี และ LGBT ของภาครัฐ การเข้าร่วมในหลายๆ งานวิจัยและการศึกษาให้มากขึ้น และรวมถึงการได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มขึ้น